ปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งได้แก่
- อายุ : โดยปกติแล้ว ความเสี่ยงของโรคหัวใจจะเพิ่มขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น
- พันธุกรรม : ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ
- เพศ : ผู้ชายจะมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจมากกว่าผู้หญิง
ปัจจัยเสี่ยงที่สามารถควบคุมได้ ซึ่งได้แก่
- โรคความดันโลหิตสูง : การปล่อยให้ความดันโลหิตสูงอยู่เป็นเวลานาน ๆ จะทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดมาเลี้ยงร่างกาย กล้ามเนื้อหัวใจจะหนาขึ้น หัวใจจะโตขึ้น หลอดเลือดตีบแข็งและอุดตัน กล้ามเนื้อหัวใจตาย และนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวในที่สุด
- การสูบบุหรี่ : ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจมากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ 2 – 4 เท่า เนื่องจากสารที่อยู่ภายในบุหรี่จะทำให้เซลล์ที่เยื่อบุผนังหลอดเลือดเสื่อม ทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบตัน ซึ่งนำไปสู่สภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย
- ระดับไขมันในเลือด : ผู้ที่มีระดับไขมันแอลดีแอลโคเลสเตอรอลสูง จะมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจสูงขึ้น ไขมันดังกล่าวจะทำให้ผนังหลอดเลือดหนาตัวขึ้น และหลอดเลือดตีบแคบลง เลือดไหลเวียนน้อยลง ในที่สุดหลอดเลือดหัวใจก็อุดตันและเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตาย
- โรคเบาหวาน : ทำให้ความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดและหัวใจสูงขึ้น เบาหวานจะทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ เสื่อมลง
- การขาดการออกกำลังกาย : ผู้ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายจะมีความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดและหัวใจสูงขึ้น การออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดและหัวใจได้ และยังสามารถช่วยควบคุมปัจจัยความเสี่ยงอื่น ๆ เช่นความดันโลหิต ระดับไขมันโคเลสเตอรอลในเลือด เบาหวานและน้ำหนักที่มากเกิน หรืออ้วน
- ความอ้วน : ผู้ที่มีดัชนีมวลกายตั้งแต่ 30 กก. / เมตร2 ถือว่ามีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดและหัวใจ โดยสามารถคำนวณดัชนีมวลกายได้จากน้ำหนักตัว(หน่วยเป็นกิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง(หน่วยเป็นเมตร) ยกกำลัง 2 อย่างไรก็ตามหากคุณมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ร่วมด้วย แม้มีดัชนีมวลกายตั้งแต่ 25 กก. / เมตร2 ก็ถือว่ามีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจเพิ่มขึ้น