ผู้หญิงอย่ามองข้ามโรคหลอดเลือดหัวใจ
ปัจจุบันพบว่าภัยร้ายด้านสุขภาพของผู้หญิงไม่ใช่แค่มะเร็งปากมดลูกหรือมะเร็งเต้านมเท่านั้น แต่ ‘โรคหลอดเลือดหัวใจ’ ก็กำลังเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ
จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาคนไทยเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดเฉลี่ยชั่วโมงละเกือบ 4 คน สูงเป็นอันดับ 2 รองจากโรคมะเร็ง และมีแนวโน้มการเสียชีวิตด้วยโรคดังกล่าวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ ‘ผู้หญิง’
ผู้หญิง 63% ที่ไม่เคยมีอาการมาก่อน เสียชีวิตเฉียบพลันจากโรคหลอดเลือดหัวใจมากกว่าผู้ชาย และผู้หญิงวัยทำงานอายุ 35 ปีขึ้นไปกับผู้หญิงที่กำลังเข้าสู่วัยทองมีโอกาสเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจมากกว่าผู้หญิงวัยอื่น

เข้าใจภัยเงียบ ‘โรคหลอดเลือดหัวใจ’
โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease) คือ โรคที่เกิดจากหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจเกิดอาการตีบตัน เนื่องจากมีไขมันและหินปูนสะสมอยู่ในผนังหลอดเลือด ทำให้เยื่อผนังหลอดเลือดชั้นในเกิดหนาตัวขึ้น ตีบ และแคบลง จากที่เลือดเคยเดินทางไปหล่อเลี้ยงหัวใจได้ทีละมากๆ ก็จะน้อยลงเรื่อยๆ ส่งผลให้มีอาการเหนื่อยง่าย แน่นหน้าอกเมื่อต้องทำกิจกรรมออกแรงต่างๆ เพราะมีเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ และเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หากเกิดการอุดตันของหลอดเลือดแบบเฉียบพลัน กล้ามเนื้อหัวใจอาจตายเฉียบพลัน และนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ หรืออาจทำให้เสียชีวิตกะทันหันได้

โรคหลอดเลือดหัวใจ ภัยเงียบของผู้หญิงเก่ง
ผู้หญิงลักษณะใดที่เข้าข่ายเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ
- ผู้หญิงวัยทำงาน 35 ปีขึ้นไป สาวมั่น ทำงานเก่ง เอาจริงเอาจังในการทำงาน
- ตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบสูง เช่น ผู้บริหาร นักจัดอีเวนท์ นักข่าว นักผลิตรายการทีวี ฯลฯ
- อ้วนลงพุง หรือผอมแต่มีพุง
- ทำงานนั่งโต๊ะ วันละ 7-8 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น
- ทำงานภายใต้แรงกดดัน เช่น งานที่ต้องทำยอดหรือปิดการขาย งานที่แข่งกับเวลา ฯลฯ
- ไม่สนใจตรวจสุขภาพประจำปี เพราะคิดว่าอายุน้อย ยังเเข็งแรงดี
ปัจจัยที่ทำให้ผู้หญิงเก่งตกเป็นกลุ่มเสี่ยง
- ใช้ชีวิตอยู่กับความเร่งรีบ ตื่นเช้า นอนดึก เวลานอนน้อยไม่ถึง 8 ชั่วโมง
- ต้องการประสบความสำเร็จ สวนทางกับการดูแลตัวเองที่น้อยลง ไม่ออกกำลังกาย พักผ่อนไม่เพียงพอ
- สวย เก่ง ฉลาด ต้องการการยอมรับ จากลูกน้อง จากสังคมรอบข้าง สะสมความเครียด
- ทำหลายหน้าที่พร้อมกัน เช่น ดูแลลูกและทำงานหลายธุรกิจไปพร้อมกัน ฯลฯ
- กดดันและเครียดจัด หาทางออกด้วยการสูบบุหรี่ ปาร์ตี้ ดื่มแอลกอฮอล์
- ไม่มีกิจกรรมทางกาย ไม่เดินแม้ระยะทางใกล้แค่ไหนก็ตาม
- บริโภคไม่ดี บริโภคอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง ไม่กินผัก ผลไม้ ชอบทานฟาสต์ฟู้ดส์
- มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ จะทำให้เสี่ยงมากขึ้น
สัญญาณเตือน ‘โรคหลอดเลือดหัวใจ’ กำลังถามหา
- เจ็บหน้าอกเหมือนมีหินกดทับ นานครั้งละ 2-3 นาที ปวดร้าวไปบริเวณคอ กราม ไหล่ และแขนทั้ง 2 ข้างโดยเฉพาะข้างซ้าย เมื่อต้องออกแรงหรือเครียด ตกใจ หรือตื่นเต้น
- เหนื่อยง่าย ขณะออกแรงหรือออกกำลังกายที่เกิดขึ้นเฉียบพลันภายใน 1-2 สัปดาห์
- เจ็บหน้าอกแบบแปลบๆ เวลาหายใจเข้าลึกๆ ไอ หรือจาม เวลาก้มหรือเอี้ยวตัว
- นอนราบไม่ได้ เนื่องจากเจ็บหน้าอกเป็นๆ หายๆ มาเป็นเวลานานขณะนอนราบ
- หายใจเข้าไม่เต็มปอด อาจเจ็บหน้าอกเมื่อหายใจเข้า-ออกร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจไม่ได้รับเลือดไปหล่อเลี้ยงเพียงพอ
- หน้ามืด เวียนศีรษะ เป็นลม ร่วมกับอาการแน่นหน้าอก ซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากมีความดันโลหิตต่ำเฉียบพลัน
- ระดับความดันโลหิตและไขมันในเลือดสูง โดยระดับคอเลสเตอรอลรวมมากกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร

ห่างไกลโรคหลอดเลือดหัวใจไม่ใช่แค่ออกกำลังกาย
- หมั่นตรวจสุขภาพ ควรตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดและเกล็ดเลือด น้ำตาลและไขมันในเลือดเป็นประจำ
- เช็คสุขภาพหัวใจแบบพิเศษ ที่เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดหัวใจโดยเฉพาะ
- ผ่อนคลายความเครียด เช่น ฝึกโยคะ รำมวยจีน ทำสมาธิ ใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนฝูง ฯลฯ
- เลิกสูบบุหรี่เด็ดขาด เพราะการหยุดสูบบุหรี่เพียง 20 นาที ความดันโลหิตจะลดลงสู่ระดับปกติ
- กินอาหารที่มีกากใยสูง ทานผัก ผลไม้ และธัญพืชให้มากๆ
เช็คสุขภาพหัวใจกับโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ
โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพดำเนินการบริการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจระดับมาตรฐานทัดเทียมกับต่างประเทศ ด้วยทีมแพทย์หัวใจฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงทุกวัน มีบริการโปรแกรมตรวจเช็คสุขภาพหัวใจแบบพิเศษที่ให้ผลการตรวจละเอียดกว่าการตรวจสุขภาพทั่วไป ได้แก่
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram)
- การถ่ายภาพรังสีของทรวงอก (Chest X-Ray)
- การตรวจระดับเอนไซม์กล้ามเนื้อหัวใจในเลือด (Cardiac Enzyme Test)
- ตรวจสมรรถภาพหัวใจโดยการวิ่งสายพาน (Exercise Stress)
- การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiogram)
- การตรวจวินิจฉัยโรคของหลอดเลือดหัวใจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง (Computed Tomographic Angiography)
- การสวนหัวใจหรือการฉีดสีดูหลอดเลือดหัวใจ (Cardiac Catheterization or Coronary Angiogram)
รวมถึงมีความชำนาญด้านการบำบัดรักษาฟื้นฟูโรคหัวใจในผู้ใหญ่และเด็ก พร้อมเทคโนโลยีการผ่าตัดบายพาสหัวใจที่ทันสมัยด้วย ‘การผ่าตัดแบบไม่ต้องหยุดหัวใจ’ หมดกังวลเรื่องอาการแทรกซ้อนจากเครื่องปอดหัวใจเทียม ทำการผ่าตัดโดยทีมศัลยกรรมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดบายพาสโรคหัวใจประสบการณ์สูง พร้อมทีมพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ด้านต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้ป่วยปลอดภัยหลังการพักฟื้น ป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนและฟื้นตัวได้ในเร็ววัน รวมถึงการบริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยวิกฤตทุกกรณี ที่ไม่เคยสามารถเคลื่อนย้ายด้วย ECMO TRANSPORTATION TEAM
ที่มา: