ความใฝ่ฝันของคุณแม่ทุกคนคือการคลอดเจ้าตัวน้อยออกมาสมบูรณ์แข็งแรง ดังนั้นหนึ่งในคำถามที่หลายคนสงสัยกันมากคือ หากคุณแม่เป็นโรคลิ้นหัวใจสามารถตั้งครรภ์ได้หรือไม่ ซึ่งประเด็นสำคัญอยู่ที่ระดับความรุนแรงของโรคลิ้นหัวใจที่คุณแม่ต้องเผชิญ
ระดับความรุนแรงของโรคลิ้นหัวใจที่พบในคุณแม่
ระดับความรุนแรงของโรคลิ้นหัวใจที่พบในคุณแม่สามารถดูได้จากอาการที่ปรากฏเป็นหลัก เรียกว่า Functional Class แบ่งออกเป็น 4 แบบ ได้แก่
จากข้างต้นที่กล่าวมา หากอยู่ใน Class I และ Class II คุณแม่สามารถตั้งครรภ์ได้ แต่ระหว่างตั้งครรภ์ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากขณะตั้งครรภ์หัวใจคุณแม่จะสูบฉีดเลือด (Cardiac Output) เพิ่มขึ้นมากกว่าคนปกติถึง 40% เนื่องจากมีเจ้าตัวน้อยในครรภ์ โดยจะเริ่มตั้งแต่อายุครรภ์ 8 สัปดาห์และสูงสุดในช่วงกึ่งกลางการตั้งครรภ์ แต่ถ้าหากคุณแม่ลิ้นหัวใจรั่วมากหรือตีบมากอยู่ใน Class III หรือ Class IV ต้องพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจทันทีเพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสม
ผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจที่ยังไม่ได้ตั้งครรภ์
หากผู้ป่วยรู้ว่าตนเองเป็นโรคลิ้นหัวใจแล้วยังไม่ได้ตั้งครรภ์ แนะนำว่าให้ผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจก่อนตั้งครรภ์ ซึ่ง การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจมีให้เลือกใช้หลายชนิด หลักๆ มี 2 แบบคือ
คุณแม่ป่วยโรคลิ้นหัวใจขณะตั้งครรภ์
หากคุณแม่ตั้งครรภ์แล้วพบว่าตนเองเป็นโรคลิ้นหัวใจจะต้องพิจารณาระดับความรุนแรงด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจ ถ้าความรุนแรงไม่มากสามารถดูแลครรภ์อย่างใกล้ชิดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ถ้าหากอยู่ในระดับที่รุนแรงมากจะต้องพิจารณาจากอายุครรภ์ ถ้าเพิ่งตั้งครรภ์ในช่วง 2-3 เดือนแรก แพทย์อาจยุติการตั้งครรภ์ด้วยการขูดมดลูก แต่ถ้าตั้งครรภ์ไปแล้วประมาณ 5 เดือน แพทย์จะดูแลและให้ยาเพื่อประคับประคองอาการจนเด็กโตพอสมควรคือประมาณ 36 สัปดาห์แล้วจึงทำการผ่าคลอด โดยแพทย์จะบอกถึงความเสี่ยงที่คุณแม่ต้องพบ เช่น การแท้งบุตร เด็กเสียชีวิตขณะอยู่ในครรภ์ เป็นต้น เพราะการใช้ยานั้นมีผลกับการเติบโตของเด็กในครรภ์ ซึ่งในภาวะนี้ความรุนแรงของอาการที่ปรากฏกับคุณแม่ คือหัวใจสำคัญในการเลือกวิธีการรักษาอย่างเหมาะสม โดยแพทย์จะยื้อชีวิตทารกไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
คุณแม่ผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจแล้วตั้งครรภ์
หากคุณแม่ผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจแล้วตั้งครรภ์ ถ้าเป็นลิ้นหัวใจที่ทำจากเนื้อเยื่อสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ถ้าเป็นลิ้นหัวใจสังเคราะห์ที่ทำจากโลหะอาจต้องหยุดทานยาละลายลิ่มเลือดแล้วเปลี่ยนไปใช้ยาฉีดตามที่แพทย์สั่ง ในกรณีนี้สิ่งสำคัญที่คุณแม่ต้องยอมรับคือ การใช้ยาทางด้านหัวใจมีผลต่อการเจริญเติบโตของเด็ก อีกทั้งถ้าคุณแม่ผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจแล้วไม่ทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ในช่วง 3 เดือนแรก ยาที่ทานอาจส่งผลกระทบต่อเด็ก ทำให้พิการได้
ดูแลหัวใจคุณแม่ให้ดี
การตรวจสุขภาพคุณแม่ก่อนตั้งครรภ์อย่างละเอียด โดยเฉพาะการตรวจหัวใจและหลอดเลือดหัวใจจะช่วยให้คุณแม่สามารถวางแผนการมีเจ้าตัวน้อยได้เป็นอย่างดีและช่วยให้คุณแม่คุณลูกมีหัวใจที่แข็งแรง