หาคำตอบเรื่องอาการโรคหัวใจ ภาวะหัวใจวาย และการรักษา
อาการโรคหัวใจมีหลายประเภท โรคหัวใจที่สำคัญ
แบ่งได้ดังนี้ คือ
1.
ภาวะหัวใจล้มเหลว / หัวใจอ่อนกำลัง (Heart Failure)
ภาวะหัวใจล้มเหลว ไม่ได้หมายความว่า หัวใจจะหยุดทำงาน แต่เป็นภาวะที่หัวใจไม่สามารถทำงานได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น ภาวะที่หัวใจอ่อนแอหรืออ่อนกำลังลง ทำให้การทำสิ่งต่าง ๆ ซึ่งปกติเป็นเรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยากมากขึ้น แต่ก็ยังมีวิธีต่างๆ ที่ผู้ป่วยและแพทย์จะร่วมมือกันเพื่อช่วยให้หัวใจกลับมาทำงานได้ดีขึ้น
2.
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันเป็นโรคหัวใจที่พบบ่อยในผู้ใหญ่ ปัจจัยเสี่ยงสำคัญได้แก่ อายุที่มากขึ้น
การสูบบุหรี่จัด ภาวะไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และการไม่ออกกำลังกาย
เป็นประจำ ทำให้มีการตีบตันในหลอดเลือด เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้
อาการ ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หรือเหนื่อยง่าย จุกแน่น เสียดหรือแสบร้อนในบริเวณทรวงอก เหงื่อออก ใจสั่น เป็นลม อาจเป็นแบบฉับพลันและรุนแรงจนทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายหรือที่เรียกว่า หัวใจพิบัติ ( Heart attack ) ผู้ป่วยมีโอกาสเสียชีวิตสูงหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและเหมาะสม ถือเป็นภาวะวิกฤตที่ต้องได้รับการรักษาโดยด่วน
3.
ภาวะ หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หมายถึง ภาวะหัวใจเต้นเร็ว หรือช้ากว่าปกติ เนื่องจากความผิดปกติของ
การกำเนิดกระแสไฟฟ้าหัวใจ การนำไฟฟ้าหัวใจ หรือทั้ง 2 อย่างร่วมกัน ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
อาจเกิดจากโรคหัวใจหลายชนิด เช่น ลิ้นหัวใจผิดปกติ กล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ หรือหลอดเลือด
หัวใจตีบตัน หรือความผิดปกติอื่น ๆ เช่น การส่งกระแสลัดวงจร มีแผลเป็นหรือก้อนไขมัน
ทำให้หัวใจมีจุดที่สร้างกระแสไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ
อาการ ผู้ป่วยอาจมีอาการใจสั่น หน้ามืด เจ็บหน้าอก อ่อนเพลีย หมดสติ หรือ หัวใจวาย ขึ้นกับอัตราเร็วของหัวใจเต้น ระยะเวลาที่เกิด รวมทั้งสาเหตุ อย่างไรก็ตามถ้าหัวใจบีบตัวได้ปกติ โอกาสเกิดหัวใจวายก็น้อย
การรักษาภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ทำได้โดยการรักษาด้วยยา เริ่มด้วยยาคลายเครียด
ในกรณีที่จับความผิดปกติไม่ได้ แต่ถ้าพบความผิดปกติจากคลื่นไฟฟ้าหัวใจ แพทย์อาจให้ยาต้าน
การเต้นผิดปกติกลุ่มต่างๆ หรือยาอื่นๆ หรือใช้วิธีการจี้หัวใจด้วยคลื่นไฟฟ้าความถี่สูงเท่าคลื่นวิทยุ
และการฝัง เครื่องมือพิเศษ นอกจากนี้ ผู้ป่วยยัง ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น เช่น ความเครียด วิตกกังวล
การพักผ่อนไม่พอเพียง การออกกำลังกาย หักโหม การสูบบุหรี่ ดื่มน้ำชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง
เครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีน แอลกอฮอล์ การรับประทานยาหรือฉีดยาที่กระตุ้นหัวใจ เป็นต้น
4.
โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง
หลอดเลือดแดงใหญ่ในร่างกายมีหน้าที่นำเลือดแดงจากหัวใจส่งไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆในร่างกาย มีความยาวตั้งแต่ในช่องอกจากหัวใจ ไปจนถึงช่องท้อง ความผิดปกติที่ทำให้เกิดความอ่อนแอของผนังหลอดเลือดไม่ว่าจะเกิดจากความเสื่อมตามอายุหรือความผิดปกติอื่นใด ก็จะมีผลทำให้หลอดเลือดบริเวณนั้นเกิดการโป่งพอง และแตกออกได้ ตำแหน่งที่พบบ่อยคือ หลอดเลือดแดงใหญ่ในช่องท้อง และในช่องอก
5.
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
เกิดเนื่องจากมีความผิดปกติของการเจริญเติบโตของหัวใจในขณะที่อยู่ในครรภ์มารดา โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรก ของการตั้งครรภ์ โรคหัวใจพิการที่เกิดขึ้น อาจเกิดจากการมีรูโหว่ที่ผนังกั้นภายในห้องหัวใจ ลิ้นหัวใจตีบตันหรือรั่ว หลอดเลือดออกผิดจากตำแหน่ง ปกติ เป็นต้น สามารถวิเคราะห์ความผิดปกติได้ ตั้งแต่ขณะอยู่ในครรภ์มารดา โดยการตรวจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (Echocardiogram)
6.
โรคหัวใจรูห์มาติค
พบในเด็กอายุ 7-15 ปี สัมพันธ์กับการติด เชื้อแบคทีเรียชนิดเบต้าฮีโมไลติค สเตร็ปโตคอคคัส ที่ลำคอ
ซึ่งทำให้คออักเสบ ไข้สูง ร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานต่อเชื้อโรคนี้ ถ้าได้รับเชื้อโรคนี้ซ้ำอีกจะเกิดอาการ
อักเสบที่ หัวใจ โดยเฉพาะลิ้นหัวใจ ปวดบวมที่ข้อ และมีผื่นที่ลำตัว ในรายที่เป็นมากทำให้หัวใจวาย
และเสียชีวิตได้ ถ้ามีอาการอักเสบ ซ้ำ หลายๆ ครั้ง จะเกิดพังผืดขึ้นที่ลิ้นหัวใจจนเปิดไม่เต็มที่หรือปิด
ไม่สนิท ทำให้ลิ้นหัวใจตีบแคบลงหรือรั่ว
 |
อาการโรคหัวใจในเด็ก - อาการที่พบบ่อยในเด็กที่ป่วยเป็นโรคหัวใจทั้งโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด และโรคหัวใจเด็กที่เกิดภายหลังคลอด ได้แก่
• ดูดนมแล้วเหนื่อยง่าย
• หายใจเร็วกว่าปกติ บางรายมีอาการคล้ายหอบหลังออกกำลังกาย
• เหนื่อยง่ายกว่าปกติ
• น้ำหนักตัวไม่ค่อยเพิ่ม เลี้ยงไม่ค่อยโต หรือเจริญเติบโตช้ากว่าปกติ
• หัวใจเต้นแรงและเร็วกว่าปกติ
• เป็นหวัดบ่อยหรือปอดบวมบ่อยกว่าปกติ
• ในบางรายมีตัวเขียวมาแต่กำเนิด หรือเขียวในช่วงหลัง
|
การรักษาโรคหัวใจในเด็ก สามารถให้การรักษาตามชนิดของโรคนั้น ๆ
โดยทั่วไปมีวิธีรักษาดังต่อไปนี้
• รักษาโดยการให้ยาบำรุงหัวใจ ยาขับปัสสาวะเพื่อช่วยให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้น ลดภาวะหัวใจวาย
• รักษาโดยการใช้บอลลูนขยายตรงหลอดเลือดหรือลิ้นหัวใจที่ผิดปกติ หรือใช้อุปกรณ์พิเศษอุดรูรั่วหรือเส้นเลือดผิดปกติโดยไม่ต้องผ่าตัด
• ถ้าเด็กมีอาการหัวใจเต้นผิดปกติสามารถให้ยาควบคุมการเต้นผิดปกตินั้น หรืออาจรักษาโดย การจี้ด้วยไฟฟ้าบริเวณที่ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ
• รักษาโดยการผ่าตัดความผิดปกติของหัวใจ โดยอาจผ่าตัดแก้ไขความผิดปกติทั้งหมดใน คราวเดียวหรืออาจผ่าตัดแบบประคับประคองก่อนเพื่อบรรเทาอาการ แล้วค่อยผ่าตัดแก้ไขความผิดปกติทั้งหมด เมื่อเด็กโตขึ้น